Focus

จับสัญญาณคลื่นลมเศรษฐกิจจีน คว้าโอกาสลงทุนหุ้นแดนมังกร

27

October

2022

23

September

2022

        ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกเสี่ยงถดถอย เศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่งและรับมือได้หรือไม่? หุ้นจีนยังน่าสนใจอยู่ไหม? และกลุ่มธุรกิจใดบ้างที่ยังมีโอกาสน่าสนใจลงทุน

        TAP Magazine ฉบับนี้ ชวนเกาะติดสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบัน ผ่านมุมมองกูรูด้านจีนและผู้เชี่ยวชาญการลงทุน ในเวทีสัมมนา Chinese Opportunities Amidst a Gradual Recovery ซึ่งจัดขึ้นโดย KBank Private Banking เพื่อชี้โอกาสการลงทุนผ่านกองทุน K-CHINA เมื่อเร็ว ๆ นี้

        ศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย มองว่า แม้จีนจะยังคงเผชิญกับ 2 ปัจจัยกดดันหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังไม่ฟื้นตัว ทั้งแรงกดดันจากนโยบาย Zero-Covid และปัญหาสภาพคล่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดี จีนยังสามารถใช้นโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และจีนยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเหมือนกับประเทศอื่น ๆ

ศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director, Financial Advisory Head,Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย

        ยิ่งไปกว่านั้น การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้ เป็นสิ่งที่นักลงทุนยังต้องติดตามว่านโยบายของจีนจะเปลี่ยนไปอย่างไร และจะกระทบต่อภาพรวมการลงทุนอย่างไร

ชี้โอกาส 3 กลุ่มธุรกิจที่ยังน่าลงทุน

        โฮเวิร์ด หวัง Head of Greater China Equities JP Morgan Asset Management กล่าวว่า จากนโยบาย Zero-Covid ของจีน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบริโภคในประเทศ อีกทั้งปัญหาในภาคอสังหาฯ ล้วนส่งผลให้ยอดขายและการลงทุนหดตัว ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมาอย่างต่อเนื่อง

        อย่างไรก็ดี JP Morgan มองว่าจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมอื่น ๆ แทน อาทิ

  1. จีนจะลดความเข้มงวดข้อบังคับในบริษัทอินเทอร์เน็ต หลังจากที่เข้มงวดมามากก่อนหน้านี้ ซึ่งแม้ว่าจะกระทบต่อผลดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยี แต่เชื่อว่าจะทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้นได้ในระยะยาว
  2. สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศ เพื่อหันมาพึ่งพาการผลิตในประเทศมากขึ้น และลดการพึ่งพาต่างชาติ
  3. สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ให้สอดคล้องกับกระแสหลักของโลกที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

        ทั้งนี้ 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่ JP Morgan เลือกลงทุนในหุ้นจีน ได้แก่

  1. Technology : การอัพเกรดเทคโนโลยีและทดแทนการนำเข้า โดยความสนับสนุนของรัฐบาลจีนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ภาคเอกชนจึงมีการลงทุนในหลากหลายด้าน ซึ่งจะผลักดันให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมและเซมิคอนดักเตอร์ เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
  2. Carbon Neutrality : เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานสะอาด จากการที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 ทำให้การลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีความน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น พลังงานทดแทน รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้บริโภคจีน อีกทั้งประเทศจีนมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเทียมที่มีเทคโนโลยีทันสมัย รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอีกด้วย
  3. Consumption : ผู้บริโภคต้องการสินค้าคุณภาพและสุขภาพที่ดี จีนทำ จีนใช้ จีนเติบโต จากการที่จีนเป็นตลาดด้านการบริโภคที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของโลก จากจำนวนประชากร 1.4 พันล้านคน เทียบเท่ากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศจีน คาดว่าจะแตะระดับ 48% ของยอดขายทั่วโลกในอีก 3 ปีข้างหน้า
โฮเวิร์ด หวัง Head of Greater China Equities JP Morgan AssetManagement

        ทั้งนี้ JP Morgan ประเมินว่าการลงทุนในระยะยาวในตลาดหุ้นของประเทศจีนปัจจุบัน มีโอกาสสร้างผลตอบแทนประมาณ 15-20% ต่อปีในระยะ 5 ปี ข้างหน้า เนื่องจาก Valuation อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวและต่ำกว่าตลาดหุ้นหลักอื่นๆ ของโลก และตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบต่าง ๆ ไปมากแล้ว

จับตานโยบายจีนหลังประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์

        ด้าน ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินว่า หลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนผ่านพ้นไป ทางการจีนน่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย Zero-Covid แบบค่อย ๆ ผ่อนคลาย เริ่มจากปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ก่อน ซึ่งอาจจะกินเวลายาวนานถึง 1 ปีกว่า Zero-Covid จะสิ้นสุด

        ด้านภาคอสังหาฯ ของจีน คาดว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไม่น่าจะมีการออกมาตรการจัดหนักเพื่อกระตุ้นกลุ่มอสังหาฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมองกว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เป็น Growth Engine หรือตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะมองว่าบ้านมีไว้สำหรับอยู่อาศัย ไม่ได้มีไว้ปั่นราคา มองว่าหากกลุ่มอสังหาฯ ไม่สามารถกลับมาเฟื่องฟูได้ แต่ยังมีกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า หรือนวัตกรรมด้าน Hardware ต่าง ๆ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญมากกว่า

        ส่วนเรื่องการออกมาตรการเพื่อควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีน ไม่ว่าจะเป็น เกมออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย และสถาบันกวดวิชา จากความกังวลว่าจะเกิดการผูกขาด จะไม่มีการเข้มงวดเพิ่มเติม แต่คงจะไม่ผ่อนคลายอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทางการจีนมองว่ากลุ่มธุรกิจเหล่านี้เป็นเศรษฐกิจมายา ไม่ใช่ เศรษฐกิจจริงเหมือนอย่างกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด รวมถึงระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) ที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกให้กับจีนได้

ดร.อาร์มตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

        ด้านศิริพร ผู้บริหาร Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า KBank Private Banking ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน มองว่าหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่ฯ จะมีแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในระยะยาวที่มีความชัดเจน ทั้งในด้านการอัพเกรดเทคโนโลยีและทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานสะอาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศที่ผู้บริโภคจีนต้องการสินค้าคุณภาพและสุขภาพที่ดี ทำให้การลงทุนในจีนเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะสร้างโอกาสเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยในกรณีฐานคาดหวังผลตอบแทนสูงถึง 17-20% ใน 12 เดือนข้างหน้า

Tags: