Business

‘รถจีน’เบียด‘รถญี่ปุ่น’ตกอันดับงาน Motor Show

3

April

2023

3

April

2023

        3 ค่ายรถจีน MG , GWM, BYD มาแรง!! ติดโผ 3 อันดับในทำเนียบ TOP 10 แบรนด์รถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน  Motor Show 2023 เบียดรถแบรนด์ญี่ปุ่นที่เป็นผู้เล่นหลักในตลาดไทยมาอย่างยาวนานอาทิ มิตซูบิชิ หลุดหายออกไปจากอันดับหัวตาราง

        ไม่เว้นแม้กระทั่งแบรนด์ขายดีตลอดกาลอย่าง ISUZU ซึ่งเดิมทียอดจองติดอยู่ใน Top 5 แต่ปีนี้หล่นมาอยู่ในอันดับที่ 6

        โดนแซงหน้าโดยค่ายรถจีนอย่าง MG ที่ครองแชมป์อันดับที่ 3 และ GWM ที่ติดอันดับ 5 ยอดจองสูงสุดในงานมอเตอร์โชว์ 2023

        จนสื่อไทยวิเคราะห์ว่า หรือนี่จะเป็นการสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป ไม่ติดยึดกับแบรนด์ชั้นนำ และพร้อมที่จะมองหาเทคโนโลยีใหม่และความน่าสนใจอื่น ๆหรือไม่ !?

MG เปิดตัว NEW MG ES สเตชันวากอนไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่

        ถ้าเจาะลงในรายละเอียดแบรนด์รถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดติดอันดับ Top 5 ต้องยอมรับว่าเป็นแบรนด์ที่มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ หรือ รุ่นปรับปรุง ความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์และการนำเสนอทางเลือกใหม่ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค จึงทำให้ผลลัพธ์ของการเข้าร่วมงานในครั้งนี้สะท้อนออกมาผ่านตัวเลขยอดจอง

BYD เปิดตัว BYD Dolphin พวงมาลัยขวา ราคาเริ่มต้น 7.9 แสนบาท

ค่ายรถจีนกวาดยอดจองอีวี 8,465 คัน

        สำหรับงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือ Motor Show 2023 ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 มี.ค. – 2 เม.ย. 2566 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี มียอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในงานรวมทั้งสิ้น 45,983 คัน  โดยแบ่งออกเป็นยอดจองรถยนต์อยู่ที่ 42,885 คัน เติบโตขึ้น 34.45% เมื่อเทียบจากปี 2565 ที่ผ่านมา

        ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) อยู่ที่ 9,233 คัน คิดเป็น 21.5% จากยอดจองรถยนต์ภายในงาน แบ่งเป็น กลุ่มรถจีน 8,465 คัน  ประกอบด้วย  BYD จำนวน 2,737 คัน, MG จำนวน  2,750 คัน , NETA จำนวน 1,300 คัน  และ ORA จากค่าย Great Wall Motor (GWM) จำนวน 1,678 คัน

เกรท วอลล์ฯ  เปิดตัว GWM TANK 500 Hybrid SUV คว้ายอดจองสิทธิ์เพื่อซื้อกว่า 1,000 คันภายในเพียง 1 สัปดาห์

                สำหรับ 10 อันดับยอดจองรถยนต์สูงสุด ในงาน Motor Show 2023 ได้แก่

        1. Toyota 6,042 คัน

        2. Honda 4,304 คัน

        3. MG 3,929 คัน

        4.Suzuki 3,887 คัน

        5.GWM 3,117 คัน

        6.ISUZU 3,064 คัน

        7.Mazda 2,989 คัน

        8.Nissan 2,808 คัน

        9.BYD 2,737 คัน

        10.Ford 1,630 คัน

แพ้จีนไม่ได้! ประธานมิตซูบิชิญี่ปุ่นชักธงรบสู้คู่แข่งในตลาดรถยนต์

        รายงานข่าวของ PPTV ระบุว่า ยุคของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นอยู่เฉยไม่ได้ต้องปรับตัวเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ไว้  

        โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงระหว่างการจัดงานมอเตอร์โชว์ในประเทศไทย นายทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น ได้กล่าวถึงแบรนด์จีนในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า มิตซูบิชิพยายามแข่งขันกับแบรนด์รถยนต์จากประเทศจีน ภายหลังการมีบทบาทมากขึ้นของแบรนด์จีนในตลาดโลกรวมถึงประเทศไทย ดังนั้นจึงต้องมองด้านการแข่งขันของบริษัท ที่มีต่อแบรนด์จีนว่าจะสามารถแข่งขันได้อย่างไร

ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น

     

        ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าดีไซน์การออกแบบมีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงคุณภาพวัสดุในการประกอบของแบรนด์จีนมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

        ดังนั้น โอกาสของมิตซูบิชิที่จะแข่งขันกับแบรนด์จีนได้ คือเรื่องของดีไซน์ที่สามารถพัฒนาให้มีความชัดเจนเป็นเอกลักษณ์เหนือแบรนด์จีนได้

        สำหรับประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อ Mitsubishi Motors Corporation ซึ่งเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปยังทั่วโลก โดยเศรษฐกิจในประเทศไทยมีแนวโน้มการขยายตัวดี  อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ อาจจะไม่ได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เท่าใดนัก แต่นับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป บริษัทมีแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เกือบทุกปี

      “ เราจะมีการออกรถรุ่นใหม่ ๆเข้ามาในตลาดอาเซียน ซึ่งรวมถึงตลาดประเทศไทยด้วย นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมองว่าคงจะต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมา เพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐต่อไป เราต้องการที่จะยกระดับบทบาทของเราในตลาดประเทศไทยไม่ให้แพ้ผู้ผลิตจากประเทศจีนที่กำลังเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น

        ขณะที่ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนารถกระบะไฟฟ้า100% ซึ่งต้องสงวนสิทธิ์ไม่บอกว่าเมื่อไร แต่เราจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะเปิดตัวให้ได้ภายใน 5 ปี โดยต้องรอโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยด้วยว่าสามารถที่จะรองรับกับจำนวนที่จะออกมาได้มากน้อยหรือเปล่า”

--------------------------------------

ที่มา :

https://bit.ly/3KqmoAa

https://bit.ly/3ZvhOVu

https://bit.ly/3K3OIH2

https://bit.ly/3nLhRiA

Tags: