โอกาสหรือความเสี่ยง?ในหุ้นจีน หลังรัฐบาลจีนกวาดบ้านคุมเข้มธุรกิจ
12
January
2022
12
August
2021
จากมาตรการของรัฐบาลจีนที่เข้มงวดในการกำกับดูแลภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการผูกขาด ทั้งในกรณีของ Alibaba, Didi มาจนถึงการควบคุมกลุ่มโรงเรียนกวดวิชาให้เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อการลงทุนในหุ้นจีนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
จนเกิดความกังวลในหมู่นักลงทุนถึงมาตรการคุมเข้มของจีนว่า อาจจะมีการเพิ่มหรือขยายกฎเกณฑ์และขอบเขตการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่นหรือไม่ และนักลงทุนควรวางแผนรับมืออย่างไร?
เมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดย Clubhouse: Krungsri Simple จึงได้เปิดประเด็นพูดคุย “เมื่อจีนกวาดบ้านกระทบตลาดหุ้น นี่คือโอกาส หรือ ความเสี่ยง ในหุ้นจีน” โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและเศรษฐกิจจีนร่วมวิเคราะห์แง่มุมต่างๆ พร้อมชี้แนวทางให้กับนักลงทุน
รศ.ดร. อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน แชร์มุมมองต่อการกวาดบ้านครั้งนี้ของทางการจีนว่า ด้วยเหตุผลด้านการปกครองเพื่อรักษาเสถียรภาพและการจัดระเบียบสังคมของจีนที่เป็นประเทศใหญ่และมีความหลากหลายมาก ทำให้ระบบแบบจีน (Socialism Chinese Characteristics) จะเป็นรัฐกำกับทุน หรือทุนนิยมโดยรัฐ เป็นกลไกหลักที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นการที่จีนเข้ามาแทรกแซงธุรกิจต่างๆ เสมือนเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
ยกตัวอย่างกรณีเข้มงวดกับโรงเรียนกวดวิชา เพราะมองว่าไม่มีความจำเป็นและซ้ำซ้อนกับการเรียนภาคปกติ แต่กลับเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง รวมทั้งยังต้องการลดอิทธิพลของหลักสูตรการเรียนการสอนของต่างชาติ หรือกรณี Tencent ทำธุรกิจเกมที่จีนเข้ามาแทรกแซงเพื่อปกป้องอนาคตของชาติ
แม้กระทั่งเรื่อง Ant Group ของ Alibaba ที่ใช้ DATA มาสร้างประโยชน์มหาศาลก็จริง แต่ก็ทำให้ประชาชนอาจมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินที่ง่ายจนเกินไป ซึ่งจะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม เกิดหนี้ครัวเรือน ความเหลื่อมล้ำ และกระทบกับความมีเสถียรภาพ
ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าจีนจะยังเน้นกวาดบ้านต่อ หรือรัฐบาลน่าจะเข้ามาดูแลจัดการผ่านสำนักงานกำกับดูแลด้านไซเบอร์สเปซของจีน (Cyberspace Administration of China: CAC) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพทางสังคม ธุรกิจที่มีโอกาสเอาเปรียบหรือผูกขาด และในมุมของนักธุรกิจจีนก็พร้อมยินยอมปฏิบัติตาม คนจีนเองก็ยอมรับในการจัดระเบียบสังคมที่จะทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น โดยข้อดีของระบบเศรษฐกิจจีนคือความมีเอกภาพ ระบบของจีนที่ชัดเจน ไม่เปลี่ยนไปมา ไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน
มองข้ามเรื่องที่น่าตกใจ และคว้าโอกาสในการลงทุน
ด้าน วิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตเป็นบวก เศรษฐกิจจีนไตรมาส 1/2564 โต 18.3% ขณะที่โลกยังไม่ฟื้นจากโรคระบาด มีการเติบโตของภาคค้าปลีกถึง 33% ยอดการส่งออกพุ่ง 38.7% มีการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยบวกในตลาดหุ้นอย่างมาก
ขณะเดียวกันก็มีการบริโภคในประเทศมากขึ้น เม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีนโยบายเกี่ยวกับการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ประชากรมีการขยับมาเป็น Middle Class ซึ่งจะเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคต อีกทั้งพรรคการเมืองแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพอย่างมาก นั่นทำให้มองเห็นโอกาสของการลงทุนในจีนอยู่ แต่ในส่วนการลงทุนภาคตลาดทุนนั้น มองว่าการที่ตัวเลขดิ่งลงในช่วงเวลาที่รัฐประกาศมาตรการใดๆ ออกมาและนักลงทุนไม่มั่นใจนั้น อาจสะท้อนว่ายังมีโอกาสที่จะกลับมาทะยานขึ้นได้หากสถานการณ์คลี่คลาย
ดังนั้น ช่วงเวลาที่หลายคนกำลังตระหนกตกใจและมีความลังเล อาจเป็นสัญญาณที่ดีที่จะมองข้ามเรื่องที่ตกใจเพื่อคว้าโอกาสการลงทุนนี้ให้ได้ และยังชี้ช่องโอกาสเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนรวม ซึ่งได้ประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยง อีกทั้งจากสถิติยังพบว่าหลายครั้งที่หุ้นตกแรงก็สามารถดีดตัวขึ้นแรงเช่นกัน จึงควรแบ่งน้ำหนักการลงทุนให้เหมาะสม และเช็คความเสี่ยงให้พอดี
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานสะอาด หรือที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และอยากให้นักลงทุนเล็งเห็นโอกาสที่จีนเร่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีของตัวเอง ทั้งพัฒนาระบบนำทาง ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้จีนไปได้อีกไกล นักลงทุนควรใช้ประโยชน์จากตรงนี้และรู้จักแปลงจีนเป็นโอกาส
เกาะติดการเปลี่ยนแปลง ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นทุกวินาที รศ.ดร. อักษรศรี กล่าวว่า จีนก็ยังมีเรื่องน่ากังวล เช่น หนี้จีน หนี้ภาคครัวเรือนสูง และรัฐวิสาหกิจจีนที่ขาดทุน ภาระเชิงนโยบายต่างๆ ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องระวังด้วยเช่นกัน จึงแนะนำให้ต้องติดตามข่าวจีน รับรู้กฎระเบียบจากสื่อจีน ทิศทางการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ซึ่งสื่อจีนตอนนี้มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
ในขณะที่ตัวแปรที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือสถานการณ์จีน-สหรัฐฯ ที่มีการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ อีกทั้งยังกล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า ต้องระวัง “บริษัทซอมบี้จีน” หรือบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรต่ำและหนี้สินที่สูงในระยะยาว พร้อมฝากแนะนำนักลงทุนว่าควรระแวดระวังการลงทุนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยละเอียดอ่อนที่จีนจะไม่ยอมอ่อนข้ออย่างเด็ดขาด นั่นคือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับซินเจียง ฮ่องกง ไต้หวัน ทิเบต และทะเลจีนใต้