
บีวายดีส่งออกรถ EV ผลิตจากโรงงานในไทย สู่ยุโรปครั้งแรก

27
August
2025

27
August
2025
เมื่อวันจันทร์(25 ส.ค.) บีวายดี (BYD) ประกาศว่าโรงงานของบริษัทในไทยได้ส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าบีวายดีดอลฟิน (BYD DOLPHIN) ชุดแรก รวมกว่า 900 คันไปยังตลาดยุโรป โดยมีหลายจุดหมายปลายทาง อาทิ สหราชอาณาจักร เยอรมนีและเบลเยียม

การส่งออกครั้งนี้ดำเนินการโดยเรือของบีวายดีชื่อ “บีวายดี เจิ้งโจว” (BYD ZHENGZHOU) ซึ่งออกเดินทางจากไทยไปยังยุโรปเป็นครั้งแรกถือเป็นการยกระดับห่วงโซ่อุปทานระดับโลกของบีวายดีอีกขั้นและเน้นย้ำบทบาทของไทยในฐานะศูนย์การผลิตและช่องทางส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค

ภนธร วงศ์พรหม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่าการตัดสินใจของบีวายดีที่จะส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าจากไทยไปยังยุโรปสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งระหว่างไทยและตลาดต่างประเทศรัฐบาลไทยจะเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนดังกล่าวเพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่มูลค่าภายในประเทศเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและเสริมแกร่งสถานะของไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก

ยุพิน บุญศิริจันทร์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยว่าหมุดหมายนี้สะท้อนความเชื่อมั่นอันแรงกล้าของบีวายดีในไทยและตอกย้ำความสำคัญของไทยในห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอีกทั้งยังเน้นย้ำถึงขีดความสามารถของไทยในการกลายเป็นผู้เชื่อมโยงระดับโลกในด้านการผลิตและการส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า

เคอ อวี้ปิน ผู้จัดการทั่วไปบีวายดี ไทยแลนด์ (BYD Thailand) กล่าวว่าความคืบหน้าครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จสำคัญอีกครั้งหลังจากมีการส่งมอบยานยนต์พลังงานใหม่คันที่ 90,000เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาการส่งออกรถยนต์รุ่นดอลฟินที่ผลิตในไทยไปยังยุโรปเป็นครั้งแรกไม่เพียงเป็นอีกก้าวหนึ่งของกลยุทธ์การขยายธุรกิจสู่ระดับโลกของบีวายดีแต่ยังตอกย้ำบทบาทสำคัญของไทยในห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก

โรงงานของบีวายดีในไทยซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยองถือเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายการผลิตระดับโลกของบีวายดีซึ่งผสานรวมห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศและแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านการผลิตขั้นสูงของบีวายดีโรงงานแห่งนี้ไม่เพียงรองรับความต้องการภายในประเทศ แต่ยังสนับสนุนการส่งออกไปยังยุโรปและตลาดโลกอื่นๆซึ่งเสริมแกร่งบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางเชิงยุทธศาสตร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
ภาพและข่าวจาก: Xinhua