![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61f2474040c5d7b9873179be_61f21d53ac92d61cc420c2af_61eeba4ceedbf1ebfd0806da_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9EFeature.jpeg)
Great Wall Motor ปักธงรถจีนในไทย ขยายฐานสู่อาเซียน
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db968ede13a37/6063345cc13db9afcbe13a84_Clock.png)
27
January
2022
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db968ede13a37/6063345cc13db9afcbe13a84_Clock.png)
24
January
2022
เอ่ยถึงแบรนด์รถยนต์จีนที่มาแรงที่สุดในไทยเวลานี้ คงต้องยกให้ “เกรท วอลล์ มอเตอร์” (Great Wall Motor) หรือ GWM ผู้นำทัพรถยนต์ Haval H6 และ ORA Good Cat สร้างปรากฏการณ์แจ้งเกิดในไทยด้วยยอดขายในระดับที่ไม่ธรรมดา และถือเป็น “ผู้เล่นสำคัญ” ที่ก้าวเข้ามาปลุกกระแสรถยนต์จีนในตลาดไทยซึ่งค่ายรถญี่ปุ่นเป็นผู้เล่นรายใหญ่มาอย่างยาวนาน
การเป็นแบรนด์ใหม่ที่จะได้รับการยอมรับในตลาดรถยนต์ไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ตลาดปราบเซียน” ในระยะเวลาที่รวดเร็วนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย อะไรคือเบื้องหลังกลยุทธ์ความสำเร็จ? ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษ เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย หัวเรือใหญ่ผู้เป็นกำลังสำคัญในการนำพา GWM ทะยานสู่ความสำเร็จในไทยและภูมิภาคอาเซียน
GWM กับการขยายฐานธุรกิจจากจีนสู่ไทยและอาเซียน
GWM เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ SUV และรถกระบะที่ใหญ่ที่สุดของจีน การขยายฐานในประเทศไทยนับเป็นก้าวแรกของ GWM ในการเข้าสู่ตลาดอาเซียนและเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าขยายธุรกิจไปทั่วโลก
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2564 GWM ได้จัดพิธีเปิดโรงงานระยองและเริ่มเดินสายการผลิตอย่างเป็นทางการ หลังจากได้เข้าซื้อกิจการศูนย์ผลิตจากเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ที่ถอนทัพออกจากประเทศไทยในปี 2563
โรงงานใหม่แห่งนี้ถือเป็นโรงงานผลิตแบบเต็มรูปแบบแห่งที่ 2 นอกประเทศจีนของ GWM และเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวาของภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 80,000 คันต่อปี และในอนาคตจะขยายการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 140,000 คันต่อปี
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebd9518ff1dfa5e58ca9e_1.jpg)
เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวแบรนด์ในไทยอย่างเป็นทางการในเดือนก.พ ปีที่ผ่านมา GWM ได้วางจำหน่ายรถยนต์ในไทยแล้ว 3 รุ่น ในจำนวนนี้มี 2 รุ่นที่ออกจากสายการผลิตจากโรงงานระยอง คือรถ HAVAL H6 กับ HAVAL JOLION ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ORA Good Cat เป็นการนำเข้ามาจากจีน โดยในอนาคตบริษัทฯ มีแผนเตรียมที่จะผลิตรถยนต์ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ในไทยในช่วงประมาณปี 2566– 2567
นอกเหนือจากประเทศไทย ในปี 2564 ที่ผ่านมา GWM ยังได้รุกเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นในสปป.ลาว เมื่อเดือนต.ค.2564 ได้แก่ รุ่น HAVAL H6, HAVAL JOLION และ GWM Pao Passenger Pickup ส่วนการขยายตลาดไปยังมาเลเซียและประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการ
“GWM เล็งเห็นศักยภาพของไทย ทั้งความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ และความได้เปรียบในด้านทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ อีกทั้งไทยยังเป็นตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ และมีปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ที่มีความทันสมัย มีสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่ดีและมีความชัดเจนมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของบริษัทฯที่เน้นการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า” หัวเรือใหญ่ GWM ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าว
1 ปีที่ผ่านมากับกระแสการตอบรับในไทย
การรุกสู่ตลาดไทยของยักษ์ใหญ่อย่าง GWM มาพร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่น และสร้างการรับรู้ใหม่ที่ทำให้ลูกค้าชาวไทยเปิดใจยอมรับรถยนต์จีนมากขึ้น ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ อัดแน่นด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะ
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebdcb73496e8561ecebfe_2.jpg)
ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนผ่านยอดจองและยอดขายที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม เริ่มจาก All New HAVAL H6 Hybrid SUV รถยนต์รุ่นเรือธงที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิ.ย. 2564 ซึ่งสร้างผลงานครองยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีติดต่อกันถึง 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค.2564) โดยเมื่อนับถึงเดือน พ.ย. 2564 GWM ได้ส่งมอบรถยนต์ HAVAL H6 ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยไปแล้วกว่า 2,070 คัน ภายในระยะเวลา 5 เดือนนับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวในประเทศไทย
“การเข้ามารุกทำตลาดในไทยของ GWM มาพร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่น สร้างการรับรู้ใหม่ที่ทำให้ลูกค้าชาวไทยเปิดใจยอมรับรถยนต์จีนมากขึ้น”
ต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในช่วงปลายเดือนต.ค. ซึ่งสามารถสร้างปรากฏการณ์ยอดจองทะลุ 1 หมื่นคัน ภายใน 1 สัปดาห์ พร้อมกับการปลุกกระแสและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตามมาด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่ 3 HAVAL JOLION HYBRID SUV เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยในปลายเดือน พ.ย. ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจจองถึงเกือบ 4,800 คัน ในช่วงของการเปิดจองรถล่วงหน้า(Pre-Sale) 10 วัน
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebdd6b1451e1740c0addf_3.jpg)
“เราเป็นแบรนด์ใหม่ในประเทศไทยซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ถือเป็นช่วงที่เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างรากฐาน อาจยังไม่ถึงขั้นเรียกว่าปักธงได้สำเร็จ ปัจจัยที่ทำให้เราก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ผมคิดว่าหัวใจสำคัญคงหนีไม่พ้นความมุ่งมั่นในเจตนารมณ์ดั้งเดิมของเราที่ต้องการทำให้ GWM ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ EV ในประเทศไทย พร้อมทั้งส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์ที่ล้ำยุคไม่เคยมีมาก่อน สร้างนิยามใหม่ให้กับการขับขี่แห่งโลกอนาคต และเสริมแรงขับเคลื่อนใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย”
เอลเลียต จาง กล่าวว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในไทยของ GWM ยึดหลักการ User-centric หรือ “ลูกค้าคือศูนย์กลาง” ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ New Energy, New Intelligence และ New Experience ที่ให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้บริโภค เรามีการสำรวจความคิดเห็น เก็บข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์และการให้บริการ รวมถึงการจัดตั้งคลับและคณะกรรมการผู้ใช้รถ (HAVAL User Committee) เพื่อร่วมมือกับผู้ใช้งานในการรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยมากยิ่งขึ้น
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebddd36f39758ece26a8c_4.jpg)
พร้อมกันนี้ GWM ยังได้ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ในการเป็นเจ้าของรถ โดยนำโมเดลค้าปลีกรูปแบบใหม่แบบ Online-to-Offline (O2O) มาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทั้งการให้บริการออฟไลน์ผ่าน GWM Store และ Partner Store ทั่วประเทศ และการให้บริการออนไลน์ผ่าน GWM Application
นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการแบบ Door-to-Door Service ที่อำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค ทั้งบริการส่งมอบรถ ชำระเงินปลายทาง และตรวจเช็คสภาพรถถึงหน้าบ้านลูกค้า
เมื่อแนวคิด “ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง” ได้ถูกนำไปใช้ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการให้บริการ จึงทำให้ผู้บริโภคชาวไทยมีความมั่นใจ เปิดใจ และให้การยอมรับแบรนด์น้องใหม่อย่าง GWM มากยิ่งขึ้น
“นอกจากนี้ เรายังได้เปิด GWM Experience Center แห่งแรกของประเทศไทย ณ ไอคอนสยาม เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่และเชื่อมความความสัมพันธ์อันดีระหว่าง GWM กับผู้บริโภคชาวไทย โดยตั้งเป้าให้เป็น The 4th Space (พื้นที่ที่ 4) นอกเหนือจากบ้าน ที่ทำงาน และสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ ทำกิจกรรมที่ชอบ หรือพักผ่อนหย่อนใจ ควบคู่ไปกับการทำความรู้จักแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของ GWM” เอลเลียต จาง กล่าว
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebded73496e4c27ecf63b_5.jpg)
ได้เวลาแบรนด์รถยนต์จีนผงาดโลก
หลังจากที่ GWM ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการรับรู้ที่มีต่อแบรนด์จีนอย่างไรบ้าง? ผู้บริหาร GWM ระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การแข่งขันของแบรนด์จีนได้ขยายจากตลาดภายในประเทศไปสู่ตลาดต่างประเทศ จากสถิติของกรมศุลกากรจีน ช่วง 10 เดือนแรก(ม.ค.-ต.ค.)ของปี 2564 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของจีนเติบโตขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เบื้องหลังของตัวเลขสถิติที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องนี้ คือการที่แบรนด์จีนได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีนวัตกรรมและการให้บริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคไปยังตลาดต่างประเทศ เป็นการก้าวออกไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างมีคุณภาพ ด้วยการให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง ทำให้ผู้บริโภคในต่างประเทศค่อยๆให้การยอมรับและชื่นชอบในแบรนด์จีน
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebdf5fd2cf357c0d002fd_6.jpg)
ทั้งนี้ GWM เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลกจากประเทศจีน ซึ่งได้มุ่งเน้นไปที่การขยายตลาดไปยังต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีธุรกิจครอบคลุมมากกว่า 60 ประเทศและเขตพื้นที่ทั่วโลก มีการจัดตั้งศูนย์ R&D ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยี และฐานการผลิตในพื้นที่นอกประเทศจีน ทั้งที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี ออสเตรีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย รัสเซีย สเปน ไทย ฯลฯ ด้วยการสร้างเครือข่ายการวิจัย การผลิต และการขายระดับโลกคุณภาพสูง ทำให้ GWM มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับโลก
“เรามุ่งมั่นที่จะนำผลิตภัณฑ์รถยนต์พลังงานใหม่ของแบรนด์ GWM ในจีนเข้ามาสู่ประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สอดรับกับตลาดไทย ทั้งการกำหนด Brand Positioning การวิจัยพัฒนาและดำเนินการผลิตจากโรงงานที่ระยอง การบริหารจัดการและการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มการจ้างงานแรงงานชาวไทย ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้เรามีความใกล้ชิดกับผู้ใช้งานมากขึ้น เกิดการเปิดใจยอมรับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของ GWM”
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebdfd7545cc4010e52166_7.jpg)
สำหรับทิศทางก้าวต่อไปในไทยของ GWM ยังคงมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า(xEV Leader) ภายใต้แผน Mission “9in3” ที่จะนำรถยนต์ 9 รุ่น เข้ามาเปิดตัวทำตลาดภายในระยะเวลา 3 ปี โดยมุ่งเน้นที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก
“ปัจจุบัน GWM เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในไทยไปแล้ว 3 รุ่น ซึ่งในปี 2565 เราจะยังคงเปิดตัวโมเดลรถยนต์ใหม่ๆตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยไม่หยุดที่จะปรับปรุงพัฒนาเครือข่ายการให้บริการ และยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ”
ล่าสุด นอกจากรถยนต์ 3 รุ่นแรก All New HAVAL H6 Hybrid SUV , รถ ORA Good Cat และรถ HAVAL JOLION HYBRID SUV ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย ในงานมหกรรมยานยนต์ Thailand International Motor Expo 2021ที่ผ่านมา GWM ยังได้เผยโฉมรถยนต์รุ่นใหม่อีก 2 รุ่น เป็นครั้งแรกของโลกในไทย ได้แก่ รถ All New HAVAL H6 Plug-In Hybrid SUV และ TANK 500 HEV รถยนต์เอสยูวีออฟโรดเอาใจสายลุย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่มาเยี่ยมชมบูธ และต้องการให้ GWM นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 2565
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebe077ce5227a10687763_8.jpg)
ขณะที่ในด้านช่องทางจัดจำหน่าย GWM มีแผนเปิด GWM Store ให้ครบ 30 แห่งภายในสิ้นปี 2564 ทั้งในรูปแบบ GWM Direct Store และ Partner Store โดยจะครอบคลุมทั้งโชว์รูมแบบดั้งเดิม โชว์รูมรูปแบบใหม่ภายใต้ “New Retail Concept” รวมถึงการเปิด GWM Experience Center ขยายเครือข่ายช่องทางจัดจำหน่ายไปพร้อมกับการมอบประสบการณ์การบริการแบบ Online-to-Offline (O2O) ที่สะดวกสบายมากขึ้นให้กับผู้บริโภค
นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา GWM ยังได้เดินหน้ายกระดับ EV Ecosystem ในไทย ด้วยการเปิดตัว G-Charge Supercharging Station สถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Fast Charge แห่งแรกของ GWM ในประเทศไทยที่สยามสแควร์ ซอย 7 พร้อมทั้งประกาศเดินหน้าขยายเครือข่ายจุดบริการอัดประจุไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ G-Charge กว่า 100 แห่งภายในปี 2566 และเตรียมขยายจุดบริการ DC Fast Charge ไปทุก GWM Partner Store ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งตั้งเป้าเปิดจุดชาร์จแบบ AC Normal Charge หรือที่เราเรียกว่า Destination Charge ไปยังโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebe14b87dbdd79584ddc0_9.jpg)
เดินหน้าขับเคลื่อน EV Ecosystem หนุนไทยสู่ฮับอาเซียน
สำหรับทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน ในมุมมองของ GWM ในด้านการสนับสนุนด้านนโยบาย รัฐบาลไทยได้วางนโยบายให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ พร้อมทั้งออกมาตรการสนับสนุนทั้งมาตรการทางภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมกับตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 ไทยจะมีสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าสาธารณะ 12,000 หัวจ่าย ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ในด้านผู้บริโภค ทั้งตลาดไทยและอาเซียนต่างมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก ผู้บริโภคส่วนใหญ่เปิดใจยอมรับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นพื้นที่แห่งโอกาสให้เราได้เข้ามาเปิดตลาด
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในไทยของ GWM ยึดหลักการ User-centric หรือ “ลูกค้าคือศูนย์กลาง” ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ New Energy, New Intelligence และ New Experience
ทั้งนี้ GWM มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านยานยนต์ EV ในประเทศไทย มีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและการวิจัยด้านพลังงานสะอาดและนวัตกรรมอัจฉริยะ เช่น พลังงานแบตเตอรี่ และเครือข่ายอัจฉริยะ (IN) ที่สั่งสมมามากกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยังได้ลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านหยวน เพื่อสร้างแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่มีชื่อว่า L.E.M.O.N, Tank และ Coffee ในจำนวนนี้มีเทคโนโลยีที่ทาง GWM เป็นผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเองและเป็นผู้นำระดับโลก เช่น L.E.M.O.N DHT และเทคโนโลยี EV
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebe20a79bee4e674cb96c_10.jpg)
สำหรับประเทศไทยและประเทศอาเซียน เราหวังว่าจะได้ใช้ประสบการณ์ด้านพลังงานใหม่และนวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่สั่งสมมา เพื่อมอบผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาด ผลิตภัณฑ์ที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทย
นอกจากนี้ GWM ยังพร้อมเดินหน้าสร้างโครงข่ายการบริการสถานีชาร์จที่สะดวกสบายมากขึ้น ผ่านการบูรณาการสถานีชาร์จสาธารณะเข้ากับ GWM APP และใช้เทคโนโลยีคลาวด์ของ GWM เพื่อสร้างระบบนิเวศของพลังงานใหม่ที่รวบรวมเอาทั้ง เมือง G-Charge, ครอบครัว G-Charge, บริการ G-Charge และ GWM APP ไว้ในที่เดียว
จากการพัฒนาดังกล่าว GWM หวังว่าจะได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคุณภาพสูงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/61eebe34fd2cf31793d01662_11.jpg)
ท้ายที่สุด ในมุมมองของผู้บริหาร GWM ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในตลาดอาเซียนยังอยู่ในช่วงบุกเบิก ในขณะที่ตลาดยานยนต์พลังงานใหม่ในจีนมีมาหลายปีแล้ว ช่วงของการบ่มเพาะตลาดค่อยๆผ่านไป และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่กว่าตลาดจีนจะก้าวมาถึงวันนี้ได้ ก็ต้องผ่านบทเรียนมาอย่างมากมาย เช่น บทเรียนจากการสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า ในราวช่วงปี 2547 มีบางบริษัทที่ตัดสินใจลงทุนสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้าจำนวนมาก เพราะเห็นว่ามีการสนับสนุนด้านนโยบายและโอกาสทางตลาดที่ดี โดยไม่ได้คำนึงว่าขณะนั้นความต้องการในตลาดยังต่ำอยู่ การชาร์จไฟไม่ได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โมเดลไม่ชัดเจน ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ ทำให้เกิดภาวะฟองสบู่
ดังนั้น ตลาดที่ยังอยู่ในช่วงบุกเบิกอย่างตลาดอาเซียน ก็สามารถเรียนรู้บทเรียนจากประเทศที่อุตสาหกรรมเติบโตเต็มที่แล้วได้ เพื่อให้สามารถบรรลุการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศของตนได้รวดเร็วและยั่งยืน