Business

Hozon ส่งรถ NETA ลุยตลาด EV ไทย จับมือ‘กลุ่มปตท.’ตั้งฐานการผลิตส่งออกอาเซียน

7

October

2022

30

August

2022

        เป็นอีกแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่เข้ามาบุกตลาดไทยอย่างเป็นทางการ สำหรับ NETA (เนต้า) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผลิตโดย “บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด” หรือ Hozon Auto สตาร์ทอัพด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน

        NETA ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 ในนามบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ประเดิมส่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก“NETA V” สไตล์ City Car ทำตลาดด้วยราคาที่สร้างความฮือฮา เริ่มต้นที่ 549,000 บาท พร้อมจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา

หวัง เฉิงเจี๋ย รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด

        หวัง เฉิงเจี๋ย รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า NETA ได้เริ่มแผนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยคือเป้าหมายแรกของเรา เพราะถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูง ในขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการที่ภาครัฐมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม ซึ่งนำมาสู่การปรับตัวของผู้ผลิตรถยนต์ รวมไปถึงการลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผู้บริโภคก็เปิดรับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน

จับมือกลุ่มปตท. ร่วมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า

        ด้าน เป่า จ้วงเฟย  ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า NETA ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 พร้อมทั้งได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100% เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโอกาสทางธุรกิจและการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

เป่า จ้วงเฟย  ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด

        ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว Arun Plus จะเข้ามาร่วมสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกันกับ NETA ในหลากหลายมิติ โดยบทบาทหลักคือการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ให้กับ NETA ผ่านบริษัท Horizon Plus ซึ่งจะสามารถเปิดสายพานการผลิตได้ภายในปี 2567 โดยประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตสำหรับการส่งออกไปจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย โดย NETA มีแผนการส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในฐานการผลิตในไทยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

เปิดตัวรุ่นแรก “NETA V” เริ่มต้น 5.49 แสนบาท

        ำหรับการเริ่มต้นทำตลาดปีแรกในไทย NETA ได้ประเดิมเปิดตัว “NETA V” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car ซึ่งมาพร้อมแนวคิด “Touchable Smart EV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ โดยมีราคาคาดการณ์จำหน่ายอยู่ที่ 549,000 บาท (จากราคาปกติ 760,000 บาท) โดยเป็นราคาหลังจากได้ส่วนลดจากมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ โดยผู้ที่จอง “NETA V”  3,000 คันแรก จะได้รับการส่งมอบรถยนต์ภายในสิ้นปีนี้

        ปัจจุบัน NETA มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว 24 แห่ง ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 30 แห่ง ภายในปีนี้ พร้อมเตรียมแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดไทยต่อเนื่อง อย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ครอบคลุมทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง และรถยนต์ในกลุ่ม SUV

รู้จัก NETA แบรนด์รถ EV น้องใหม่สัญชาติจีน

        NETA เป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผลิตโดย บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ Hozon Auto สตาร์ทอัพด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ก่อนที่ธุรกิจจะเติบโตอย่างรวดเร็วภายในช่วงเวลาเพียงแค่ 4 ปีของการดำเนินธุรกิจ โดย NETA เริ่มเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกในปี 2561 และจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ประเทศจีน ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่า 362% ในปี 2564 ที่ผ่านมา และมียอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารวมแล้วกว่า 170,000 คัน

        ปัจจุบัน บริษัทฯ มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาด 3 รุ่น ได้แก่ NETA U รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV , NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ City Car รวมไปถึง NETA S รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์สปอร์ต

        มีโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มาตรฐานระดับโลกรวม 3 โรงงาน ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซี และเมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง กำลังการผลิตรวม 250,000 คันต่อปี โดยโรงงานที่เมืองหนานหนิงจะเป็นโรงงานหลักสำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพวงมาลัยขวา เพื่อส่งออกมายังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดที่สำคัญอยู่ที่ประเทศไทย พร้อมกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คัน

        นอกจากนี้ NETA ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวม 6 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่นอกประเทศจีน ได้แก่ในเยอรมนี อิตาลี และ Silicon Valley สหรัฐอเมริกา

        อีกทั้งยังได้มีความร่วมมือกับผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลก อาทิ Sense Time ผู้พัฒนาอัลกอริทึม AI รายใหญ่ของโลก, Horizon Robotics ผู้นำด้านแพลตฟอร์มการประมวลผล AI, Huawei ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และ CATL หนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงกลุ่มปตท.ในประเทศไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Tags: