Business

BYD ปักหมุดลงทุนไทย 17,891 ล้าน ตั้งฐานผลิต EV Passenger Car แห่งแรกนอกจีน

7

October

2022

9

September

2022

        BYD ยักษ์ใหญ่ที่มียอดขายรถยนต์พลังงานใหม่อันดับ 1 ของโลก นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากจีนรายล่าสุดที่ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในอาเซียน ซึ่งเป็นการเข้ามาพร้อมโปรเจกต์การลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงถึง 17,891 ล้านบาท โดยตามแผนการลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอ BYDจะมีการลงทุนครอบคลุมทั้งในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (PHEV)  ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญที่จะมีส่วนในการผลักดันประเทศไทยก้าวสู่ EV Hub ในอาเซียน

        ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา BYD ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินขนาด 600 ไร่ กับบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในเครือ WHA Group ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีของ WHA โดย BYD จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในนิคมอุตสาหกรรม WHA ระยอง 36 คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2567 ด้วยกำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียนและยุโรป

BYD ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินครั้งใหญ่ 600 ไร่ กับ WHA ตั้งฐานผลิต EV ในไทย

        ปัจจุบัน BYD เป็นบริษัทไฮเทคชั้นนำของโลกที่มีขอบเขตธุรกิจครอบคลุมทั้งด้านอิเล็กทรอนิกส์, พลังงานใหม่, การขนส่งระบบราง และรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีฐานการผลิตหลายแห่งในประเทศจีน ทั้งในเซินเจิ้น ซีอาน เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฉางซา หนิงโป ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานการผลิตในต่างประเทศอีก 6 แห่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล ญี่ปุ่น ฮังการี และอินเดีย สำหรับฐานการผลิตแห่งใหม่ที่จะมีการลงทุนในประเทศไทยที่จ.ระยอง นับเป็นการลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้า (EV Passenger Car) ในต่างประเทศแห่งแรกที่ BYD ขยายฐานการผลิตออกมานอกจีน

        สำหรับการเข้ามาทำตลาดรถ EV ในประเทศไทย BYD ได้จับมือร่วมกับ RÊVER Automotive (เรเว่ ออโตโมทีฟ) บริษัทสัญชาติไทย ที่ก่อตั้งโดยทายาทรุ่นใหม่ของกลุ่มสยามกลการ หนึ่งในธุรกิจรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของไทย โดยเรเว่ ออโตโมทีฟ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายของ BYD แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตั้งเป้ายอดขายปีแรกกว่า 10,000 คัน

        “เมื่อปี 2018 BYD ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา 101 คันมาให้บริการให้กับคนไทยในโครงการ EV Taxi VIP ตลอด 4 ปีมานี้มีคำถามมาตลอดว่า เมื่อไหร่ BYD จะเข้ามาในประเทศไทย วันนี้ เราพร้อมประกาศต่อชาวไทยทุกคนว่า BYD ได้เข้าสู่ตลาดไทยอย่างเต็มตัวแล้ว โดยเราเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้า (EV passenger Car) ในต่างประเทศแห่งแรกของ BYD” หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวถึงการเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ในงานแถลงข่าวเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินกับ WHA เมื่อวันที่ 8 ก.ย. โดยรถยนต์รุ่นแรกที่จะผลิตจากโรงงานและจำหน่ายคือรุ่น  ATTO 3 ซึ่งมั่นใจว่าจะตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ของคนไทย

        อะไร? คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ BYD ตัดสินใจเลือกประเทศไทย หลิว เสวียเลี่ยง บอกว่า ก่อนหน้านี้ BYD ได้เข้ามาทดลองทำตลาดรถยนต์และรถบัสไฟฟ้าในไทยซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี  และได้เห็นถึงความก้าวหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยที่เป็นฐานการผลิตรถยนต์ในอาเซียนมายาวนาน นอกจากนี้ ไทยยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีนโยบายสนับสนุน EV ที่ดีที่สุดในอาเซียน รองมาจากสิงคโปร์

หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

        หลิว เสวียเลี่ยง เชื่อมั่นว่า การที่ BYD เข้ามาลงทุนในประเทศไทย จะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้ไทยเป็น EV Hub ทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก โดยคาดว่าในปี 2573 ไทยจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่าเป้าหมายนโยบาย 30@30 โดยมีสัดส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเกินครึ่งของยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมด

        ด้าน จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA Group กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนของ BYD ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของต่างชาติ และศักยภาพของไทยในการเป็น EV Hub ทั้งในอาเซียนและระดับโลก

        “BYD เป็นเบอร์หนึ่งด้าน EV ของโลก ไปที่ไหนก็สะเทือน เป็นสิ่งดีมากๆ ที่เราได้ BYD มา เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นที่เรามั่นใจมาตลอดว่า ประเทศไทยจะเป็น EV Hub ได้อย่างแน่นอน

        ในฐานะที่ WHA ทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำ เราได้เห็นการเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมามีบริษัทด้าน EV ติดต่อเข้ามาต่อเนื่อง ประเทศไทยมีศักยภาพทั้งด้าน Supply Chain ที่แข็งแรง ซึ่งไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ แต่ยังมีส่วนอื่น ๆ เช่น ยางรถยนต์ ซึ่งบริษัทยางรถยนต์ระดับโลกต่างเข้ามาลงทุนในไทย นอกจากนี้ เรายังมีตลาดในประเทศที่มีขนาดใหญ่

        ปัจจุบัน WHA มีค่ายรถยนต์จากจีนที่ผลิตรถ EV รายใหญ่ตั้งอยู่ในนิคมฯ ทั้ง MG, Great  Wall Motor และรายล่าสุดคือ BYD ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการลงทุนของ Supply Chain ต่าง ๆ ตามมา โดยเราได้เตรียมพื้นที่เฟส 2 อีกเกือบ 500 ไร่ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม EV และ Supply Chain ที่เชื่อว่าจะตามเข้าอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ เรายังมองถึงความร่วมมือกับ BYD เพื่อยกระดับให้นิคมอุตสาหกรรม WHA ระยอง 36 เป็นต้นแบบ EV Cluster ในประเทศไทยที่มีความพร้อมด้านระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน” ผู้บริหาร WHA ระบุ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Tags: